Connect with us

สุขภาพ

อันตรายจากแสงสีฟ้า (Blue light) ภัยเงียบต่อสุขภาพดวงตา

Published

on

เชื่อว่าหลายคนรู้กันอยู่แล้วว่า แสงสีฟ้าจากโทรศัพท์มือถือของเรามีอันตรายต่อดวงตา รวมไปถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่รู้ไหมว่าสารมารถพบแสงสีฟ้าได้จากธรรมชาติด้วยเช่นกัน 

แสงสีฟ้า คือ หนึ่งในความยาวคลื่นที่ประกอบกันของแสงขาวจากแสง UV ที่สามารถมองเห็นได้ และเมื่อผ่านละอองน้ำในอากาศ จะเห็นเป็นสีรุ้ง 7 สี ได้แก่ ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ซึ่งแสงสีฟ้านี้ก็คือสีน้ำเงิน มีพลังงานสูงค่อนข้างสูง (High – energy visible) ใกล้เคียงกับรังสียูวี โดยแสงที่เรามองเห็นได้จะอยู่ที่ช่วงความยาวคลื่นประมาณ 400-700 nm แต่แสงสีฟ้าอยู่ที่ช่วงความคลื่นที่ประมาณ 380-480 nm สามารถทะลุผ่านอวัยวะดวงตาได้ ตั้งแต่กระจกตา เล่นส์แก้วตา ตลอดไปจนถึงจอประสาทตาที่อยู่ลึกที่สุด 

แสงสีฟ้ามาจากไหนบ้าง 

เราสามารถพบแสงสีฟ้าได้จากธรรมชาติ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้แก่ 

  • ดวงอาทิตย์ มีปริมาณแสงเข้มมากที่สุด 
  • หลอดไฟ LED ไฟหน้ากระจกรถ ไฟท้ายรถ 
  • อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น Smart Watch 
  • จอโทรศัพท์มือถือ จอคอมพิวเตอร์ จอโน๊ตบุค แท็บเล็ต จอ TV 

แสงสีฟ้าอันตรายจริงไหม หรือแสงสีฟ้าช่วยอะไรได้บ้าง 

แสงสีฟ้าที่เราพบเจอทั่วไป มี 2 ประเภท คือ แสงสีฟ้าที่ดี และ แสงสีฟ้าที่เป็นโทษ 

  • แสงสีฟ้าที่ดี ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนกระฉับกระเฉง ช่วยเตือนระบบการทำงานของร่างกาย ควรนอนเวลาไหน ควรตื่นเวลาไหน ควรกินตอนไหน ซึ่งเป็นระบบวงจรที่ทำให้ร่างกายทำเป็นปกติ หรือที่เราเรียกว่า “นาฬิกาชีวิต” นั่นเอง 
  • แสงสีฟ้าที่เป็นโทษ คือ แสงสีฟ้าที่อยู่ในช่วงคลื่นที่ 415-455 nm ส่งผลเสียต่อจอประสาทตาให้ค่อย ๆ เสื่อมลงได้ 

แสงสีฟ้าส่งผลเสียยังไง 

เมื่อได้รับแสงสีฟ้า ผลกระทบที่ได้รับโดยตรงคือ ดวงตา เพราะแสงสีฟ้าสามารถทะลุผ่านเลนส์ตาและกระจกตา เข้าไปถึงจอประสาทตาที่ลึกที่สุดและสำคัญที่สุดได้ หากได้รับแสงสีฟ้าสะสมเป็นเวลานาน จะส่งผล ดังนี้ 

  • อาการตาล้า (Digital eye strain) เพราะแสงสีฟ้ามีความสว่างมากเกินไป มีพลังงานสูง ทำให้ดวงตาทำงานหนัก จนเกิดอาการตามัว ปวดตา ตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหล ปวดศีรษะ 
  • จอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากแสงสีฟ้าทะลุผ่านเข้าไปในดวงตา และทำลายเซลล์รับแสงในจอประสาทตา จนอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ 
  • อาการโรคนอนไม่หลับ เพราะแสงสีฟ้าเข้าไปยับยั้งการหลั่งสารเมลาโทนิน ที่ทำหน้าที่ควบคุมการนอนหลับและการตื่นของร่างกาย ส่งผลให้นอนหลับยาก นอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิท 

วิธีการป้องกันอันตรายจากแสงสีฟ้า 

  • หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีแสงจ้ามาก ๆ หากจำเป็นต้องอยู่กลางแดด ควรป้องกันแสงเข้าสู่ดวงตา เช่น สวมแว่นกันแดด สวมหมวก กางร่ม เป็นต้น 
  • ปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับดวงตา เช่น ไฟในห้องไม่ควรสว่างหรือมืดจนเกินไป ไม่จ้องหน้าจอมือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือหน้าจอทีวี ในความมืด เพราะความืดจะทำให้ม่านตาเราขยาย ส่งผลดวงตาได้รับแสงสีฟ้ามากเกินไป 
  • หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีลมเป่าเข้าตาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นลมธรรมชาติ ลมจากพัดลม หรือลมจากแอร์ เพราะจะทำให้เกิดอาการตาแห้งได้
  • ใช้หลัก 20-20-20 คือ พักสายทุก ๆ 20 นาที มองวัตถุไกล ๆ ห่างออกไปอย่างน้อย 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อช่วยลดการเพ่งของดวงตา 
  • ตั้งค่าอุปกรณ์เป็นโหมดกลางคืน (night or dark mode) ในช่วงเวลากลางคืน เพื่อลดความสว่างของหน้าจอ และลดอุณหภูมิสีของหน้าจอ
  • ปรับระดับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม ปรับระดับหน้าจอให้ต่ำลงกว่าระดับสายตาประมาณ 10-15 องศา และนั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 1 ช่วงแขน 
  • หยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง 
  • ตรวจสายตาเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา 

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

สุขภาพ

น้ำโซดาช่วยลดน้ำหนักได้?

งานวิจัยล่าสุดเผยว่าการดื่มน้ำโซดาอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก โดยส่งผลต่อความอยากอาหารและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน

Published

on

Sparkling water with mint, raspberries and blueberries

งานวิจัยล่าสุดเผยว่าการดื่มน้ำโซดาอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก โดยส่งผลต่อความอยากอาหารและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าน้ำโซดาจะเป็นทางเลือกยอดนิยมแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมานานแล้ว แต่ผลกระทบต่อการควบคุมน้ำหนักกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักวิจัย

ประเด็นสำคัญจากงานวิจัย

งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Nutrition and Metabolism ได้ศึกษาผลของน้ำโซดาต่อความหิวและการเผาผลาญพลังงาน นักวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำโซดามีระดับฮอร์โมนเกรลิน (ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความอยากอาหารเพิ่มขึ้น

แม้ว่าระดับเกรลินที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งชี้ว่าการดื่มน้ำโซดาสามารถกระตุ้นให้รับประทานอาหารมากขึ้น แต่การศึกษาพบว่า น้ำโซดายังส่งผลต่อความรู้สึกอิ่มและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการลดน้ำหนัก ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ดื่มน้ำโซดารายงานว่ารู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมากกว่าผู้ที่ดื่มน้ำเปล่า

น้ำโซดาส่งผลต่อความอยากอาหารอย่างไร?

ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตในกระเพาะอาหารและส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร การศึกษาพบว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำโซดาสามารถกระตุ้นการหลั่งเกรลินในระดับเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหิว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าผลกระทบนี้เป็นเพียงชั่วคราวและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

นอกจากนี้ เมื่อน้ำโซดาถูกบริโภคก่อนหรือระหว่างมื้ออาหาร มันอาจช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มได้ สมมติฐานหนึ่งคือฟองอากาศจากน้ำโซดาทำให้เกิดความแน่นในกระเพาะอาหาร ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมองว่ากระเพาะอาหารเต็มแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าเครื่องดื่มที่มีฟองอาจช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทาน

ประโยชน์ของน้ำโซดาต่อกระบวนการเผาผลาญ

นอกเหนือจากการควบคุมความอยากอาหารแล้ว งานวิจัยยังวิเคราะห์ว่าน้ำโซดาส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญอย่างไร นักวิจัยได้วัดอัตราการเผาผลาญพลังงานขณะพัก (Resting Energy Expenditure – REE) ของผู้เข้าร่วม และพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำโซดามีอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำเปล่า

การเพิ่มขึ้นของ REE หมายความว่าร่างกายอาจเผาผลาญแคลอรีในขณะพักมากขึ้นเมื่อดื่มน้ำโซดาเป็นประจำ แม้ว่าผลกระทบจะไม่มาก แต่ก็อาจเป็นข้อได้เปรียบด้านการเผาผลาญที่ช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักเมื่อรวมกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกาย

เปรียบเทียบน้ำโซดากับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

เหตุผลหลักที่หลายคนเลือกดื่มน้ำโซดาคือเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพกว่าเครื่องดื่มน้ำโซดาที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานสังเคราะห์ ต่างจากน้ำโซดารสหวานที่เชื่อมโยงกับภาวะอ้วนและโรคเกี่ยวกับการเผาผลาญ น้ำโซดาที่ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือน้ำหวานไม่มีแคลอรีเพิ่มเติม

การเปลี่ยนจากเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงไปเป็นน้ำโซดาสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรีโดยรวมได้อย่างมาก งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่แทนที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำโซดา มักจะรับประทานแคลอรีรวมต่อวันน้อยลง ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักทีละน้อยเมื่อเวลาผ่านไป

ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำโซดา

แม้ว่าน้ำโซดาจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ยังมีข้อกังวลบางประการเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น:

  • สุขภาพฟัน: มีการวิจัยบางชิ้นระบุว่าน้ำโซดาอาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ เนื่องจากมีความเป็นกรดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม น้ำโซดาธรรมดามีผลกระทบน้อยกว่าน้ำโซดาที่มีน้ำตาลหรือเครื่องดื่มอัดลมรสเปรี้ยว
  • ความไวต่อระบบย่อยอาหาร: ผู้ที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือกรดไหลย้อน อาจพบว่าก๊าซในน้ำโซดาทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้อง
  • การเปลี่ยนแปลงของความอยากอาหาร: เนื่องจากน้ำโซดาอาจทำให้ระดับเกรลินเพิ่มขึ้นในระยะสั้น บางคนอาจรู้สึกหิวมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนัก

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

ดร. อแมนด้า คอลลินส์ นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวมของอาหารโดยรวมแทนที่จะโฟกัสที่เครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว “น้ำโซดาสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่พยายามควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้แทนเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง อย่างไรก็ตาม ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล”

เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญและการควบคุมความอยากอาหาร “การรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำโซดาม มีความสำคัญต่อการย่อยอาหารและการใช้พลังงาน”

เคล็ดลับในการดื่มน้ำโซดาเพื่อช่วยลดน้ำหนัก

หากคุณชอบดื่มน้ำโซดาและต้องการใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดน้ำหนัก ลองพิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้:

  • ดื่มก่อนมื้ออาหาร: การดื่มน้ำโซดาก่อนรับประทานอาหารอาจช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และลดปริมาณอาหารที่บริโภค
  • เลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาล: หลีกเลี่ยงน้ำโซดามที่มีรสหวานหรือมีสารให้ความหวานสังเคราะห์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
  • สังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย: หากรู้สึกท้องอืดหรือไม่สบาย ลองลดปริมาณการดื่มลงและสังเกตว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร
  • ใช้เป็นตัวช่วยลดความอยากของหวาน: บางครั้ง ความอยากน้ำโซดาหรือขนมหวานสามารถถูกระงับได้ด้วยการดื่มน้ำโซดาธรรมดา

สรุป

งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าน้ำโซดาอาจมีประโยชน์ต่อการจัดการน้ำหนัก โดยช่วยปรับความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่การเลือกดื่มน้ำโซดาแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล อาจเป็นก้าวสำคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การบริโภคอย่างพอเหมาะและการคงไว้ซึ่งสมดุลทางโภชนาการ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักในระยะยาว

Continue Reading

บ้านและสวน

คุณสมบัติของสารส้มใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง นอกจากใช้สารส้มดับกลิ่นเต่า 

Published

on

อากาศร้อน ๆ ในเมืองไทย ทำให้เราหลีกหนีไม่พ้นกับเหงื่อและคราบไคล นอกจากจะกลิ่นเหม็นอับ ยังก่อให้เกิดขึ้ไคลที่เกิดจากหนังกำพร้าของเราผลัดอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เจอเหงื่อเข้าไปอีก กลายเป็นคราบและมีกลิ่นตัว บางคนมีกลิ่นตัวรุนแรง เพราะทั้งเหงื่อทั้งไขมัน เป็นปัญหารบกวนจิตใจและคนรอบข้าง ซึ่ง “สารส้ม” เป็นตัวที่ช่วยทำความสะอาดขึ้ไคลออกจากผิว และยังช่วยดับกลิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนไทยนิยมใช้ดับกลิ่นกันมาช้านาน 

 

หลายคนอาจเคยได้ยินสรรพคุณสารส้มใช้ดับกลิ่นเต่าและแกว่งน้ำขุ่นให้ใส แต่ที่จริงสารส้มมีประโยชน์มากกว่าที่คิด วันนี้ zblogged มีเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับสารส้ม ประโยชน์และโทษของสารส้มมีอะไรบ้าง สารส้มมีคุณสมบัติอย่างไร ใช้สารส้มทารักแร้ได้ไหม 

 

สารส้ม (ชื่อเคมี Alum) คือ สารทำให้หดตัว Astringent ที่เรียกว่า เกลือเชิงซ้อน ผลึกเกลือของสารประกอบที่มีธาตุอะลูมิเนียมและซัลเฟตเป็นสารประกอบหลัก มีรสฝาดเปรี้ยวไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถละลายน้ำได้ 

ประเภทของสารส้ม 

สารส้มสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. Potassium Alum

สารส้มชนิดโพแทสเซียม อลัม เป็นเกลือโพแทสเซียมซัลเฟตที่มีน้ำ (Hydrated Potassium Aluminum Sulphate) มีลักษณะเป็นผลึกใส ไม่มีสี และอาจพบเป็นผงสีขาวละเอียดได้เช่นกัน 

 

2.Ammonium Alum 

สารส้มชนิดแอมโมเนียม เป็นเกลือแอมโมเนียม อะลูมิเนียมซัลเฟตที่มีน้ำ (Hydrated Ammonium Aluminum Sulphate) มีลักษณะเป็นผลึกใส ไม่มีสี 

 

สามารถนำสารส้มทั้ง 2 ชนิดไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน ทั้งในระบบครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม แต่สารส้มที่นิยมนำไปใช้งานมากที่สุด คือ สารส้มชนิดโพแทสเซียม อลัม (Potassium Alum)

 

คนในสมัยโบราณ นอกจากจะนำไปใช้แกว่งน้ำให้ตกตะกอน ยังนำสารส้มใช้ห้ามเลือดในกรณีที่เป็นแผลตื้น ๆ หรือแผลที่ไม่ลึกมาก โดยการบดให้เป็นผงละเอียดใช้โรยแผล นอกจากนี้ยังมีการนำสารส้มใช้ห้ามเลือดในกรณีที่ถอนฟัน ด้วยการใช้สารส้ม 1 ส่วน ละลายน้ำเย็น 9 ส่วน หรือ ละลายกับน้ำต้มเดือด 3 ส่วน แล้วใช้อมห้ามเลือดจากการถอนฟัน หรือใช้อมเป็นประจำเพื่อแก้บาดแผลในปาก และป้องกันฟันโยก ฟันคลอน เหงือกร่น

คุณสมบัติของสารส้ม

  • ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม แพ้น้ำหอม รวมถึงผู้ที่ชอบใช้น้ำหอม เพราะไม่มีกลิ่นไปหักล้างหรือรบกวนกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ 
  • ไม่มีส่วนผสมของครีมและน้ำมัน จึงใช้ได้โดยไม่เปื้อนเสื้อผ้า 
  • ปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะสารส้มมีคุณสมบัติเป็นประจุลบ ไม่สามารถซึมผ่านผนังเซลล์ผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้ ไม่เกิดการอุดตันรูขุมขน และไม่ทำลายโอโซน ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม 
  • มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม ไม่เสื่อมสภาพ ไม่เสื่อมสภาวะต่ออุณหภูมิห้อง 

 

ประโยชน์ของสารส้ม 

  • ระงับกลิ่นตัว ด้วยการกวนสารส้มในน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ช่วยระงับกลิ่นตัวได้ 100% นานถึง 24 ชั่วโมง สามารถใช้สารส้มทารักแร้ดับกลิ่นตัวได้เป็นประจำ โดยไม่เกิดอันตราย 
  • เปลี่ยนน้ำขุ่นให้กลายเป็นน้ำใส โดยการกวนสารส้มในน้ำ สารแขวนลอยต่าง ๆ จะตกตะกอนลงก้น เหลือแต่น้ำใส ๆ ไว้ใช้อุปโภคได้
  • ใช้ดับกลิ่นคาว โดยการกวรสารส้มในน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้ไปล้างปลา เนื้อ หรือเครื่องในสัตว์ที่ต้องการดับกลิ่น
  • ใช้ห้ามเลือด ด้วยการป่นหรือบดสารส้มให้เป็นผงละเอียดแล้วละลายน้ำ หรือใช้โรยบนบาดแผลได้เลย ซึ่งจะรู้สึกแสบเล็กน้อย แต่ห้ามเลือดได้ผลดี 
  • ทาแก้ผื่นคันตามผิวหนังจากยุงหรือแมลงกัด และอาการคันระคายเคืองผิวหนังจากสาเหตุอื่น ๆ 
  • ใช้หลังโกนหนวดไม่ให้เกิดการระคายเคือง ช่วยห้ามเลือดและสมานแผลที่เกิดจากการโกนหนวด
  • ทำให้อาเจียนเพื่อถอนพิษ กรณีที่เผลอกินหรือกลืนสารพิษ เช่น กินเห็ดเมา กินยาผิด กลืนสารเคมี กรดหรือด่าง ให้ตำสารส้มละลายน้ำ แล้วดื่มถอนพิษ จะทำให้อาเจียนเอาพิษออกมา 
  • ชุบไส้ตะเกียง ทำให้ไม่มีควัน วิธีคือ ใช้กวนสารส้มในน้ำ แล้วนำไส้ตะเกียงไปชุบ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง เวลาที่จุดตะเกียงก็จะไม่มีควันรบกวน
  • รักษาถั่วงอกให้กรอบ สด เก็บได้นาน โดยการนำถั่วงอกแช่ลงในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม แล้วค่อยตั้งให้สะเด็ดน้ำ 
  • ดองผักให้กรอบ และช่วยให้อาหารกรอบ โดยเฉพาะผัก ทำง่าย ๆ โดยการนำผักไปแช่ในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม ก่อนนำผักไปดองหรือปรุงอาหาร 
  • ช่วยให้ข้าวเหนียวมีเมล็ดสวย วิธีทำ น้ำข้าวเหนียวแช่ในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วเปลี่ยนน้ำแช่ใหม่ เมื่อนำไปนึ่ง ข้าวเหนียวจะเรียงเม็ดสวย น่ารับประทาน นุ่ม และเก็บได้นานขึ้น
  • เก็บรักษาพริกขี้หนูให้สดได้นาน โดยการนำพริกขี้หนูแช่ในน้ำสารส้มสักครู่ แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง และเมื่อจะทานจะต้องล้างพริกก่อนทุกครั้ง  
  • กันบูด ใช้สารส้มผสมกับแป้งเปียกเพื่อใช้กันบูดได้ 
  • ใช้ป้องกันและรักษาส้นเท้าแตก 
  • ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ย้อมสีผ้าเพื่อช่วยให้สีติดเส้นใยได้ดีขึ้น อุตสาหกรรมกระดาษ การประปา การบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น 

 

ข้อควรระวังในการใช้สารส้ม 

แม้ว่าสารส้มมีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เนื่องจากสารส้มมีสารประกอบเป็นอะลูมิเนียมและซัลเฟต จึงต้องระมัดระวังในการใช้ และเพื่อใช้สารส้มให้ได้ผลอย่างปลอดภัย ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำไปใช้ เพราะการใช้สารส้มในบางกรณีอาจเกิดอันตรายได้ เช่น การทานสารส้มอะลัมเพื่อช่วยให้อาเจียนขับสารพิษ แต่ถ้าทานในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ร่างกายดูดซึมอะลูมิเนียมเข้าไปได้ รวมถึงผลข้างเคียงอื่น ๆ  เช่น อาการคลื่นไส้ หรือ ปวดศีรษะ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย แนะนำว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด รวมทั้งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้สารส้มดีที่สุด

 

Continue Reading

สุขภาพ

โดนงูเหลือมรัดเอาตัวรอดยังไง พร้อมบอกวิธีช่วยน้องแมวจากการโดนงูรัด  

Published

on

รู้ได้อย่างไรว่าเป็นงูเหลือม 

งูในประเทศไทย มี 2 ชนิดหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ งูมีพิษและไม่มีพิษ แต่วิธีแยกให้ออกระหว่างงูพิษกับงูไม่มีพิษ ให้สังเกตที่หัวงู หากหัวเป็นสามเหลี่ยม คาดเดาเลยว่าเป็น งูพิษ แต่ถ้าหัวมนกลม คือ งูไม่มีพิษ ซึ่งงูเหลือมจัดเป็นงูไม่มีพิษ แต่อันตรายของงูเหลือม คือ การใช้วิธีรัดเหยื่อจนขาดอากาศหายใจ หรือรัดเหยื่อจนช็อก หมดสติ แล้วจึงค่อยกินเป็นอาหาร

ลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมของงูเหลือม มีดังนี้ 

งูเหลือม เป็นสัตว์ที่ถูกจัดให้อยู่ในไฟลัมสัตว์เลื้อยคลาน มีแกนสันหลัง ไม่มีพิษ มีปากใหญ่ ฟันแหลมคม ขากรรไกรแข็งแรงมาก หัวสีเหลือง หรือออกน้ำตาล มีเส้นสีดำกลางหัว ลากจากปลายจมูกถึงลำคอและจากหางตาถึงขากรรไกร ม่านตาหดตัวในแนวตั้ง เกล็ดเรียบ ท้องสีขาว ลำตัวมีสีน้ำตาลถึงน้ำตาลเทาอมเหลือง มีลายข้าวหลามตัดบนหลังตลอดความยาว ลำตัวมีลายจุดสีขาวประปราย หางยาว เป็นชนิดงูที่ยาวที่สุดในโลก มีขนาดใหญ่ โดยความยาวเฉลี่ยของลำตัว อยู่ที่ประมาณ 3.5 – 6 เมตร เลื้อยช้า แต่เมื่อเจอศัตรูจะดุร้ายและจู่โจมอย่างรวดเร็ว อาศัยนอนตามโพรงดิน โพรงไม้ที่มืด ๆ และเย็น ออกหากินเวลากลางคืน โดยหากินทั้งบนบกและในน้ำ งูเหลือมกินสัตว์แทบทุกชนิด ทั้งหนู นก ไก่ เป็ด สุนัข แมว เก้ง กวาง กระต่าย หรือแม้แต่ตัวเงินตัวทอง และจรเข้ โดยจะใช้วิธีรัดเหยื่อจนขาดอากาศหายใจ แล้วจึงกินด้วยการค่อย ๆ เขมือบเข้าไป เมื่อกินจนอิ่มแล้ว จะอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ อีกหลายวันจึงจะออกหากินอีก

Boa constrictor leopard, isolated on white

โดนงูเหลือมรัด งูเหลือมกัด เอาตัวรอดยังไง 

  1. ตั้งสติ 
  2. ห้ามกระชาก 
  3. ใช้มือจับที่หัวงู กันงูสะบัด 

แม้ว่างูเหลือมจะไม่มีพิษ แต่ถ้าหากไปกระชากงูออกทันที ฟันงูเหลือมที่แหลมคมมาก ๆ จะทำให้เกิดแผลฉกรรจ์! 

 

ต้องทำอย่างไรเมื่องูหลามกัด? 

ควรใช้แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ฉีดหรือเทลงไปในปากงู งูจะค่อย ๆ คลายปากออก  

แล้วถ้าพลาดโดนงูเหลือมรัดต้องทำยังไง? 

สิ่งที่ต้องทำเมื่อโดนงูรัดขณะที่อยู่คนเดียว คือ พยายามหาหางของงูให้เจอ จากนั้นใช้ทุกส่วนของร่างกาย พยายามค่อย ๆ แกะจากส่วนหางของงู ออกทีละสเต็ป ให้แกะช่วงกลางลำตัว จากนั้นนำใส่กระสอบ โดยนำส่วนหางเข้าไปก่อน ตามด้วยส่วนหัว แล้วรีบรวบปากกระสอบมัดให้เป็นเกลียว หักคอกระสอบ และมัดเชือกให้แน่น แต่เพื่อความปลอดภัย หากไม่เคยมีประสบการณ์ในการจัดงูมาก่อน หรือไม่มีความเชี่ยวชาญพอ ไม่ควรจับงูด้วยตนเอง แต่ควรรีบโทรแจ้ง 1169 หรือ 199 เพื่อขอความช่วยเหลือ 

gray scottish cat in the room on the bed under the sheet. close-up concept for a pet store

แมวโดนงูรัดทำไงดี ต้องช่วยแบบไหน  

แมว เป็นอีกอาหารหลักของงู โดยเฉพาะงูเหลือม และเมื่อแมวเจองู ส่วนใหญ่แมวจะไม่หนี แต่มักจะเข้าไปดูด้วยความสงสัย ทำให้แมวมักตกเป็นเหยื่อของงูได้ง่าย และเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้งูเหลือมชอบเข้าบ้านคน เพื่อเข้าไปล่าแมว ซึ่งเป็นเหยื่ออันโอชะของมัน 

คุณนิก อสรพิษวิทยา หรือ นาย อนิรุธ ชมงาม จากชมรมอสรพิษวิทยา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องงู และการจับงู ได้กล่าวว่า “งูจะจู่โจมด้วยการรัดตัวแมวอย่างรวดเร็ว และรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งแมวช็อก และตายในที่สุด หากเราไปเห็นหรือช่วยไม่ทันภายใน 1 นาที อาจช่วยชีวิตแมวไม่ทัน และวิธีช่วยแมวจากการถูกงูรัด คือ ต้องทำให้งูตกใจ ทำให้งูรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคาม อาจใช้ไม้เคาะ หรือใช้ตีหัวงูแบบรัว ๆ โดยไม่จำเป็นต้องออกแรงตีมาก แค่ตีให้งูรู้สึกกังวล แล้วงูจะค่อย ๆ คลายที่รัดออก และเลื้อยหนีไป” 

และคุณนิกยังได้เสริมอีกว่า “อีกวิธีหนึ่ง หากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์เคยจับงู หรือรู้วิธีในการจับงู คือ คว้าคองูเอาไว้ แล้วนำแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์กรอกใส่ปากงู ไอระเหยของแอลกอฮอล์จะทำให้งูสำลัก และคลายตัวออกจากสิ่งที่มันรัดอยู่ ซึ่งวิธีนี้ คนลงมือต้องมีสติ และทำอย่างรวดเร็ว เพราะมีเวลาน้อยมากในการช่วยชีวิตแมวที่ตกเป็นเหยื่อ 

Continue Reading

กำลังมาแรง