Connect with us

สุขภาพ

บอกทริค ใช้โรลออนระงับกลิ่นกายยังไงไม่ให้ทิ้งคราบเหลือง

Published

on

Disgusted young male wearing checkered shirt and glasses smelling wet sweaty armpit after stressful meeting, feeling nauseous, screwing lips. Black man can't stand bad smell. Hyperhidrosis and hygiene

เชื่อว่าหลายคนมีการใช้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ รักแร้มีกลิ่น ไม่ว่าจะเป็นโรลออน สเปรย์ หรือฝงแป้ง ซึ่งล้วนแต่เป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย และเป็นไอเทมคู่ใจของคนที่มีปัญหากลิ่นตัว เพราะช่วยดับกลิ่นอับตามมุมซอกต่าง ๆ  โดยเฉพาะรักแร้ ช่วยให้หมดกังวลเรื่องกลิ่น เพิ่มความมั่นใจได้มากขึ้น

แต่ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้น ซึ่งหลายคนคงเจอเหมือนกันแน่ ๆ คือ หลังการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายต่าง ๆ แล้วมักจะทิ้งคราบเหลืองไว้บนเสื้อตรงรักแร้ ทั้งซักออกยากแถมยังมองเห็นรอยได้ชัดหากเป็นเสื้อสีอ่อนสว่าง โดยเฉพาะเสื้อโทนสีขาว 

คราบเหลืองรักแร้เกิดจากอะไร 

คราบเหลืองรักแร้เกิดจาก การปล่อยทิ้งเสื้อผ้าที่ใส่แล้วทิ้งไว้นานกว่าจะนำไปซัก จนทำให้เกิดการหมักหมม เกิดเป็นคราบเหลือง หรือการรวมตัวกันระหว่างเหงื่อและส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เมื่อเวลาผ่านไปเกิดการสะสมจนก่อให้เกิดคราบเหลืองขึ้น และทำความสะอาดได้ยากนั่นเอง 

Man applying deodorant to his armpits

วิธีป้องกันรักแร้เหลือง 

  1. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่มีสาร Aluminum Chlorohydrate

ในผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเหงื่อมีสารผสมหลากหลายตัวด้วยกัน และมักจะเป็นส่วนผสมที่ช่วยระงับเหงื่อ ลดกลิ่นกาย แต่สารส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง หากไม่อยากเจอปัญหาคราบรักแร้เหลือง คือ Aluminum Chloralhydrate มีคุณสมบัติลดเหงื่อได้ดีในคนที่มีเหงื่อออกมาก แต่ก็มักจะทิ้งคราบเหลืองที่กำจัดออกยากด้วยเช่นกัน 

  1. ทาผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายก่อนสวมใส่เสื้อผ้า 

ควรทาโรลออน หรือฉีดสเปรย์ระงับกลิ่นเหงื่อ และรอสักพักเพื่อให้ผิวใต้วงแขนแห้งดีก่อน แล้วจึงค่อยสวมเสื้อผ้า ช่วยลดโอกาสผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเลอะเสื้อ จนไปสะสมกลายเป็นคราบเหลือง ใครที่ชอบสวมเสื้อผ้าก่อน หรือใช้โรลออนแล้วสวมเสื้อทันที คงต้องลองเปลี่ยนวิธีใหม่แล้วล่ะ 

  1. ไม่ทาโรลออนมากเกินไป Woman Applying Deodorant Roll On Under Armpit After Shower on Green Wall Cement,Girl Using Deodorant Body in Bathroom at Home Before Antiperspirant,Authentic Skin Tan Asian,Slim fit and Shapely.

สำหรับใครที่มีกลิ่นตัวแรง หรือมีเหงื่อออกเยอะแล้วกังวล จนอาจรู้สึกนอยด์ จึงกระหน่ำโรลออน โปะและทาเยอะ ๆ ไว้ก่อน เพราะคิดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดกลิ่น ลดเหงื่อได้ แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เพราะการทำเช่นนั้น นอกจากจะทำให้เหนียวเหนอะหนะบริเวณผิวใต้วงแขน ยังทำให้เกิดการสะสมของสารระงับกลิ่นเหงื่อ และตกค้างฝังลึกในเส้นใยผ้า กลายเป็นคราบเหลืองและซักออกยากในที่สุด 

  1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสูตรธรรมชาติ 

ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเหงื่อที่มีสารเคมี มักจะก่อให้เกิดคราบเหลืองเป็นส่วนใหญ่ ลองหันมาใช้โรลออนที่มีส่วนผสมของธรรมชาติ หรือ เลือกใช้ สารส้ม ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยดับกลิ่นกายที่มีการใช้มาอย่างยาวนาน เพราะเป็นธรรมชาติ ใช้งานง่าย ไม่ก่อให้เกิดคราบเหลืองบนเสื้อผ้า ไม่มีสารเคมี จึงไม่เกิดการระคายเคืองผิวหนัง จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย และไม่มีน้ำหอม ผู้ที่แพ้น้ำหอมหรือไม่ต้องการให้กลิ่นตีกับน้ำหอม จึงนิยมใช้สารส้มดับกลิ่นเต่าด้วยเช่นกัน 

ซึ่ง 4 วิธีนี้ก็เป็นทริคการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย โดยไม่ทิ้งคราบเหลืองบริเวณรักแร้ ซึ่งทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาติ ไม่มีส่วนผสมของ Aluminum ใช้ในปริมาณที่พอดี ควรทาและรอให้แห้งก่อนสวมเสื้อผ้า เพียงเท่านี้ ก็ช่วยลดปัญหาคราบเหลืองบนเสื้อผ้าได้แล้วค่ะ 

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

สุขภาพ

โยคะ (Yoga) สำหรับมือใหม่: ข้อดี ข้อเสีย และวิธีเตรียมตัวให้ปลอดภัย

บทความนี้จะช่วยตอบคำถามเหล่านั้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีเตรียมตัวก่อนเริ่มต้นฝึกโยคะ เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

Published

on

Portrait of group of people practicing yoga at home. Utthita hasta padangushtasana pose.

ในปัจจุบัน “โยคะ” กลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยฝึกโยคะมาก่อน อาจมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย เช่น โยคะคืออะไร? เหมาะกับใคร? มีข้อดีอะไรบ้าง? แล้วมีข้อเสียหรือข้อควรระวังอะไรหรือไม่?

บทความนี้จะช่วยตอบคำถามเหล่านั้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีเตรียมตัวก่อนเริ่มต้นฝึกโยคะ เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย

โยคะ (Yoga) คืออะไร?

โยคะ (Yoga) เป็นศาสตร์โบราณจากประเทศอินเดียที่มีประวัตินับพันปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสมดุลระหว่างร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โยคะไม่ได้เป็นเพียงการออกกำลังกายทั่วไป แต่ยังรวมถึงการฝึกสมาธิ การควบคุมลมหายใจ และการดำเนินชีวิตอย่างมีสติ

องค์ประกอบหลักของโยคะมี 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  1. อาสนะ (Asana) – ท่าทางทางกายภาพที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแรง

  2. ปราณายามะ (Pranayama) – การฝึกลมหายใจอย่างมีจังหวะและควบคุม เพื่อเพิ่มพลังงานชีวิต (prana)

  3. ธยานะ (Dhyana) – การทำสมาธิเพื่อฝึกจิตใจให้สงบและมีสติ

การฝึกโยคะเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น แข็งแรง จิตใจสงบ และสามารถรับมือกับความเครียดในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น

Yoga at park, group of mixed age women doing pose while sunset

ข้อดีของการฝึกโยคะ

1. เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย

หนึ่งในข้อดีที่เด่นชัดที่สุดของโยคะคือการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ แม้ว่าคุณจะเริ่มต้นจากร่างกายที่ตึงหรือแข็ง การฝึกโยคะอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดการตึงเครียดของร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

2. พัฒนาการหายใจและสมาธิ

โยคะสอนให้ผู้ฝึกหายใจอย่างมีสติ ฝึกการสังเกตลมหายใจเข้าออก ซึ่งเป็นพื้นฐานของการฝึกสมาธิ ช่วยให้สมองผ่อนคลาย ลดความเครียด และทำให้มีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือความสงบในใจ และการจัดการกับความคิดลบหรือความเครียดได้ดียิ่งขึ้น

3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง

แม้ว่าโยคะจะไม่ใช่การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านหรือเวทเทรนนิ่ง แต่หลายท่าในโยคะสามารถช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแกนกลาง (Core muscle) เช่น กล้ามเนื้อหน้าท้อง หลัง และสะโพก ซึ่งสำคัญต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพ

4. ลดอาการปวดเมื่อยและความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

คนที่นั่งทำงานนาน ๆ หรือใช้คอมพิวเตอร์ตลอดวัน มักมีปัญหาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ โยคะสามารถช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึง และลดอาการปวดเรื้อรังได้ โดยเฉพาะเมื่อฝึกท่าโยคะที่เน้นการยืดกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าว

5. ปรับสมดุลฮอร์โมนและการนอนหลับ

โยคะส่งผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดอาการนอนไม่หลับ และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมในระยะยาว

6. ประหยัดและฝึกง่ายที่บ้าน

โยคะไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากมาย มือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยเสื่อโยคะเพียงผืนเดียว และเลือกฝึกจากคลิปวิดีโอออนไลน์ หรือเรียนผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็ได้ ทำให้สะดวกและประหยัดเงิน

Woman standing on head in yoga position

ข้อเสียและข้อควรระวังของการฝึกโยคะ

แม้โยคะจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่มือใหม่ควรรู้และระมัดระวัง ได้แก่:

1. เสี่ยงบาดเจ็บหากทำท่าผิด

การฝึกโยคะที่ไม่มีครูผู้ชำนาญคอยแนะนำ อาจทำให้มือใหม่ทำท่าทางผิด โดยเฉพาะท่าที่ต้องมีการทรงตัว หรือยืดกล้ามเนื้ออย่างมาก หากฝืนร่างกายเกินไป อาจเกิดการบาดเจ็บ เช่น กล้ามเนื้อฉีก ข้อต่อเคล็ด หรือเส้นประสาทถูกกดทับ

วิธีป้องกัน: เริ่มจากท่าเบื้องต้น ฝึกอย่างช้า ๆ หมั่นฟังสัญญาณจากร่างกาย และควรมีครูฝึกที่เชี่ยวชาญดูแลในช่วงเริ่มต้น

2. ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ

ผลลัพธ์จากการฝึกโยคะไม่ได้เกิดขึ้นทันที ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการฝึก หากฝึกไม่ต่อเนื่อง อาจไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกท้อถอย

คำแนะนำ: กำหนดเวลาฝึกให้ชัดเจน เช่น วันละ 15–30 นาที เริ่มจากน้อยแล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อร่างกายพร้อม

3. ไม่เหมาะสำหรับบางภาวะสุขภาพ

ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน โรคข้อเสื่อม ความดันโลหิตสูง หรือหญิงตั้งครรภ์ในบางไตรมาส อาจต้องหลีกเลี่ยงท่าโยคะบางประเภท

ทางแก้: ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มฝึก และเลือกคลาสโยคะที่เหมาะกับสภาพร่างกาย เช่น โยคะสำหรับผู้สูงอายุ หรือโยคะบำบัด

4. อาจรู้สึกเบื่อหรือหลับในช่วงฝึก

การฝึกโยคะบางแนว (เช่น Yin Yoga หรือ Hatha Yoga) มีลักษณะช้าและสงบ ทำให้มือใหม่ที่เคยชินกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโออาจรู้สึกเบื่อหน่าย หรือรู้สึกง่วงในช่วงฝึก

ข้อแนะนำ: ลองเปลี่ยนแนวโยคะ เช่น Vinyasa หรือ Power Yoga ที่เน้นความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เพื่อความกระฉับกระเฉงมากขึ้น

5. ต้องการพื้นที่เงียบสงบ

โยคะต้องอาศัยสมาธิในการฝึก หากอยู่ในบ้านที่เสียงดังหรือมีสิ่งรบกวนอาจทำให้ฝึกไม่เต็มที่

ข้อแนะนำ: จัดมุมฝึกโยคะในบ้านที่เงียบ หรือเลือกฝึกในช่วงเวลาที่บ้านสงบ เช่น ตอนเช้าตรู่ หรือก่อนนอน

วิธีเตรียมตัวสำหรับมือใหม่ก่อนเริ่มฝึกโยคะ

เพื่อให้การฝึกโยคะเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผล มือใหม่ควรเตรียมตัวดังนี้:

  • เลือกเสื่อโยคะคุณภาพดี ที่กันลื่นและมีความหนาพอประมาณ

  • สวมเสื้อผ้าที่ยืดหยุ่นและสบาย เพื่อให้เคลื่อนไหวสะดวก

  • ฝึกขณะท้องว่าง หรือหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 1–2 ชั่วโมง

  • เริ่มจากท่าโยคะเบื้องต้น เช่น Cat-Cow, Child’s Pose, Downward Dog

  • เน้นการหายใจให้ถูกต้อง ไม่กลั้นหายใจขณะฝึก

  • พักทันทีเมื่อรู้สึกเจ็บ อย่าฝืนหรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น

โยคะคือการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เหมาะกับทุกคน

แม้ว่าโยคะจะมีข้อเสียบางประการ แต่หากฝึกอย่างมีสติ ฝึกอย่างถูกวิธี และค่อย ๆ พัฒนาตามความสามารถของร่างกาย โยคะจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

การฝึกโยคะไม่ใช่เรื่องของความยากง่าย แต่เป็นเรื่องของความตั้งใจและการยอมรับความเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขอเพียงแค่คุณเริ่มต้น และฝึกอย่างต่อเนื่อง คุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทั้งในร่างกายและจิตใจที่ยั่งยืนอย่างแน่นอน

Continue Reading

สุขภาพ

น้ำโซดาช่วยลดน้ำหนักได้?

งานวิจัยล่าสุดเผยว่าการดื่มน้ำโซดาอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก โดยส่งผลต่อความอยากอาหารและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน

Published

on

Sparkling water with mint, raspberries and blueberries

งานวิจัยล่าสุดเผยว่าการดื่มน้ำโซดาอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก โดยส่งผลต่อความอยากอาหารและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าน้ำโซดาจะเป็นทางเลือกยอดนิยมแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมานานแล้ว แต่ผลกระทบต่อการควบคุมน้ำหนักกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักวิจัย

ประเด็นสำคัญจากงานวิจัย

งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Journal of Nutrition and Metabolism ได้ศึกษาผลของน้ำโซดาต่อความหิวและการเผาผลาญพลังงาน นักวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำโซดามีระดับฮอร์โมนเกรลิน (ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมความอยากอาหารเพิ่มขึ้น

แม้ว่าระดับเกรลินที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งชี้ว่าการดื่มน้ำโซดาสามารถกระตุ้นให้รับประทานอาหารมากขึ้น แต่การศึกษาพบว่า น้ำโซดายังส่งผลต่อความรู้สึกอิ่มและกระบวนการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนการลดน้ำหนัก ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ดื่มน้ำโซดารายงานว่ารู้สึกอิ่มหลังรับประทานอาหารมากกว่าผู้ที่ดื่มน้ำเปล่า

น้ำโซดาส่งผลต่อความอยากอาหารอย่างไร?

ฮอร์โมนเกรลินเป็นฮอร์โมนที่ผลิตในกระเพาะอาหารและส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร การศึกษาพบว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำโซดาสามารถกระตุ้นการหลั่งเกรลินในระดับเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหิว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าผลกระทบนี้เป็นเพียงชั่วคราวและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

นอกจากนี้ เมื่อน้ำโซดาถูกบริโภคก่อนหรือระหว่างมื้ออาหาร มันอาจช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มได้ สมมติฐานหนึ่งคือฟองอากาศจากน้ำโซดาทำให้เกิดความแน่นในกระเพาะอาหาร ซึ่งส่งสัญญาณไปยังสมองว่ากระเพาะอาหารเต็มแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าเครื่องดื่มที่มีฟองอาจช่วยลดปริมาณอาหารที่รับประทาน

ประโยชน์ของน้ำโซดาต่อกระบวนการเผาผลาญ

นอกเหนือจากการควบคุมความอยากอาหารแล้ว งานวิจัยยังวิเคราะห์ว่าน้ำโซดาส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญอย่างไร นักวิจัยได้วัดอัตราการเผาผลาญพลังงานขณะพัก (Resting Energy Expenditure – REE) ของผู้เข้าร่วม และพบว่าผู้ที่ดื่มน้ำโซดามีอัตราการเผาผลาญสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำเปล่า

การเพิ่มขึ้นของ REE หมายความว่าร่างกายอาจเผาผลาญแคลอรีในขณะพักมากขึ้นเมื่อดื่มน้ำโซดาเป็นประจำ แม้ว่าผลกระทบจะไม่มาก แต่ก็อาจเป็นข้อได้เปรียบด้านการเผาผลาญที่ช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักเมื่อรวมกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการออกกำลังกาย

เปรียบเทียบน้ำโซดากับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

เหตุผลหลักที่หลายคนเลือกดื่มน้ำโซดาคือเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพกว่าเครื่องดื่มน้ำโซดาที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวานสังเคราะห์ ต่างจากน้ำโซดารสหวานที่เชื่อมโยงกับภาวะอ้วนและโรคเกี่ยวกับการเผาผลาญ น้ำโซดาที่ไม่มีการเติมน้ำตาลหรือน้ำหวานไม่มีแคลอรีเพิ่มเติม

การเปลี่ยนจากเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงไปเป็นน้ำโซดาสามารถช่วยลดปริมาณแคลอรีโดยรวมได้อย่างมาก งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่แทนที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำโซดา มักจะรับประทานแคลอรีรวมต่อวันน้อยลง ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักทีละน้อยเมื่อเวลาผ่านไป

ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มน้ำโซดา

แม้ว่าน้ำโซดาจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ยังมีข้อกังวลบางประการเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น:

  • สุขภาพฟัน: มีการวิจัยบางชิ้นระบุว่าน้ำโซดาอาจทำให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ เนื่องจากมีความเป็นกรดเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม น้ำโซดาธรรมดามีผลกระทบน้อยกว่าน้ำโซดาที่มีน้ำตาลหรือเครื่องดื่มอัดลมรสเปรี้ยว
  • ความไวต่อระบบย่อยอาหาร: ผู้ที่มีภาวะลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือกรดไหลย้อน อาจพบว่าก๊าซในน้ำโซดาทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือไม่สบายท้อง
  • การเปลี่ยนแปลงของความอยากอาหาร: เนื่องจากน้ำโซดาอาจทำให้ระดับเกรลินเพิ่มขึ้นในระยะสั้น บางคนอาจรู้สึกหิวมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนัก

ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ

ดร. อแมนด้า คอลลินส์ นักโภชนาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนัก เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองภาพรวมของอาหารโดยรวมแทนที่จะโฟกัสที่เครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว “น้ำโซดาสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่พยายามควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้แทนเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูง อย่างไรก็ตาม ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุล”

เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อกระบวนการเผาผลาญและการควบคุมความอยากอาหาร “การรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าหรือน้ำโซดาม มีความสำคัญต่อการย่อยอาหารและการใช้พลังงาน”

เคล็ดลับในการดื่มน้ำโซดาเพื่อช่วยลดน้ำหนัก

หากคุณชอบดื่มน้ำโซดาและต้องการใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลดน้ำหนัก ลองพิจารณาเคล็ดลับเหล่านี้:

  • ดื่มก่อนมื้ออาหาร: การดื่มน้ำโซดาก่อนรับประทานอาหารอาจช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และลดปริมาณอาหารที่บริโภค
  • เลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาล: หลีกเลี่ยงน้ำโซดามที่มีรสหวานหรือมีสารให้ความหวานสังเคราะห์ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ
  • สังเกตปฏิกิริยาของร่างกาย: หากรู้สึกท้องอืดหรือไม่สบาย ลองลดปริมาณการดื่มลงและสังเกตว่าร่างกายตอบสนองอย่างไร
  • ใช้เป็นตัวช่วยลดความอยากของหวาน: บางครั้ง ความอยากน้ำโซดาหรือขนมหวานสามารถถูกระงับได้ด้วยการดื่มน้ำโซดาธรรมดา

สรุป

งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าน้ำโซดาอาจมีประโยชน์ต่อการจัดการน้ำหนัก โดยช่วยปรับความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน แม้ว่าผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่การเลือกดื่มน้ำโซดาแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล อาจเป็นก้าวสำคัญสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตาม การบริโภคอย่างพอเหมาะและการคงไว้ซึ่งสมดุลทางโภชนาการ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดน้ำหนักในระยะยาว

Continue Reading

บ้านและสวน

คุณสมบัติของสารส้มใช้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง นอกจากใช้สารส้มดับกลิ่นเต่า 

Published

on

อากาศร้อน ๆ ในเมืองไทย ทำให้เราหลีกหนีไม่พ้นกับเหงื่อและคราบไคล นอกจากจะกลิ่นเหม็นอับ ยังก่อให้เกิดขึ้ไคลที่เกิดจากหนังกำพร้าของเราผลัดอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เจอเหงื่อเข้าไปอีก กลายเป็นคราบและมีกลิ่นตัว บางคนมีกลิ่นตัวรุนแรง เพราะทั้งเหงื่อทั้งไขมัน เป็นปัญหารบกวนจิตใจและคนรอบข้าง ซึ่ง “สารส้ม” เป็นตัวที่ช่วยทำความสะอาดขึ้ไคลออกจากผิว และยังช่วยดับกลิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งคนไทยนิยมใช้ดับกลิ่นกันมาช้านาน 

 

หลายคนอาจเคยได้ยินสรรพคุณสารส้มใช้ดับกลิ่นเต่าและแกว่งน้ำขุ่นให้ใส แต่ที่จริงสารส้มมีประโยชน์มากกว่าที่คิด วันนี้ zblogged มีเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับสารส้ม ประโยชน์และโทษของสารส้มมีอะไรบ้าง สารส้มมีคุณสมบัติอย่างไร ใช้สารส้มทารักแร้ได้ไหม 

 

สารส้ม (ชื่อเคมี Alum) คือ สารทำให้หดตัว Astringent ที่เรียกว่า เกลือเชิงซ้อน ผลึกเกลือของสารประกอบที่มีธาตุอะลูมิเนียมและซัลเฟตเป็นสารประกอบหลัก มีรสฝาดเปรี้ยวไม่มีสี ไม่มีกลิ่น สามารถละลายน้ำได้ 

ประเภทของสารส้ม 

สารส้มสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. Potassium Alum

สารส้มชนิดโพแทสเซียม อลัม เป็นเกลือโพแทสเซียมซัลเฟตที่มีน้ำ (Hydrated Potassium Aluminum Sulphate) มีลักษณะเป็นผลึกใส ไม่มีสี และอาจพบเป็นผงสีขาวละเอียดได้เช่นกัน 

 

2.Ammonium Alum 

สารส้มชนิดแอมโมเนียม เป็นเกลือแอมโมเนียม อะลูมิเนียมซัลเฟตที่มีน้ำ (Hydrated Ammonium Aluminum Sulphate) มีลักษณะเป็นผลึกใส ไม่มีสี 

 

สามารถนำสารส้มทั้ง 2 ชนิดไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน ทั้งในระบบครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม แต่สารส้มที่นิยมนำไปใช้งานมากที่สุด คือ สารส้มชนิดโพแทสเซียม อลัม (Potassium Alum)

 

คนในสมัยโบราณ นอกจากจะนำไปใช้แกว่งน้ำให้ตกตะกอน ยังนำสารส้มใช้ห้ามเลือดในกรณีที่เป็นแผลตื้น ๆ หรือแผลที่ไม่ลึกมาก โดยการบดให้เป็นผงละเอียดใช้โรยแผล นอกจากนี้ยังมีการนำสารส้มใช้ห้ามเลือดในกรณีที่ถอนฟัน ด้วยการใช้สารส้ม 1 ส่วน ละลายน้ำเย็น 9 ส่วน หรือ ละลายกับน้ำต้มเดือด 3 ส่วน แล้วใช้อมห้ามเลือดจากการถอนฟัน หรือใช้อมเป็นประจำเพื่อแก้บาดแผลในปาก และป้องกันฟันโยก ฟันคลอน เหงือกร่น

คุณสมบัติของสารส้ม

  • ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม แพ้น้ำหอม รวมถึงผู้ที่ชอบใช้น้ำหอม เพราะไม่มีกลิ่นไปหักล้างหรือรบกวนกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ 
  • ไม่มีส่วนผสมของครีมและน้ำมัน จึงใช้ได้โดยไม่เปื้อนเสื้อผ้า 
  • ปลอดภัยต่อร่างกาย เพราะสารส้มมีคุณสมบัติเป็นประจุลบ ไม่สามารถซึมผ่านผนังเซลล์ผิวหนังเข้าสู่ร่างกายได้ ไม่เกิดการอุดตันรูขุมขน และไม่ทำลายโอโซน ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม 
  • มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม ไม่เสื่อมสภาพ ไม่เสื่อมสภาวะต่ออุณหภูมิห้อง 

 

ประโยชน์ของสารส้ม 

  • ระงับกลิ่นตัว ด้วยการกวนสารส้มในน้ำ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว ช่วยระงับกลิ่นตัวได้ 100% นานถึง 24 ชั่วโมง สามารถใช้สารส้มทารักแร้ดับกลิ่นตัวได้เป็นประจำ โดยไม่เกิดอันตราย 
  • เปลี่ยนน้ำขุ่นให้กลายเป็นน้ำใส โดยการกวนสารส้มในน้ำ สารแขวนลอยต่าง ๆ จะตกตะกอนลงก้น เหลือแต่น้ำใส ๆ ไว้ใช้อุปโภคได้
  • ใช้ดับกลิ่นคาว โดยการกวรสารส้มในน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้ไปล้างปลา เนื้อ หรือเครื่องในสัตว์ที่ต้องการดับกลิ่น
  • ใช้ห้ามเลือด ด้วยการป่นหรือบดสารส้มให้เป็นผงละเอียดแล้วละลายน้ำ หรือใช้โรยบนบาดแผลได้เลย ซึ่งจะรู้สึกแสบเล็กน้อย แต่ห้ามเลือดได้ผลดี 
  • ทาแก้ผื่นคันตามผิวหนังจากยุงหรือแมลงกัด และอาการคันระคายเคืองผิวหนังจากสาเหตุอื่น ๆ 
  • ใช้หลังโกนหนวดไม่ให้เกิดการระคายเคือง ช่วยห้ามเลือดและสมานแผลที่เกิดจากการโกนหนวด
  • ทำให้อาเจียนเพื่อถอนพิษ กรณีที่เผลอกินหรือกลืนสารพิษ เช่น กินเห็ดเมา กินยาผิด กลืนสารเคมี กรดหรือด่าง ให้ตำสารส้มละลายน้ำ แล้วดื่มถอนพิษ จะทำให้อาเจียนเอาพิษออกมา 
  • ชุบไส้ตะเกียง ทำให้ไม่มีควัน วิธีคือ ใช้กวนสารส้มในน้ำ แล้วนำไส้ตะเกียงไปชุบ จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้ง เวลาที่จุดตะเกียงก็จะไม่มีควันรบกวน
  • รักษาถั่วงอกให้กรอบ สด เก็บได้นาน โดยการนำถั่วงอกแช่ลงในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม แล้วค่อยตั้งให้สะเด็ดน้ำ 
  • ดองผักให้กรอบ และช่วยให้อาหารกรอบ โดยเฉพาะผัก ทำง่าย ๆ โดยการนำผักไปแช่ในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม ก่อนนำผักไปดองหรือปรุงอาหาร 
  • ช่วยให้ข้าวเหนียวมีเมล็ดสวย วิธีทำ น้ำข้าวเหนียวแช่ในน้ำที่กวนด้วยสารส้ม ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วเปลี่ยนน้ำแช่ใหม่ เมื่อนำไปนึ่ง ข้าวเหนียวจะเรียงเม็ดสวย น่ารับประทาน นุ่ม และเก็บได้นานขึ้น
  • เก็บรักษาพริกขี้หนูให้สดได้นาน โดยการนำพริกขี้หนูแช่ในน้ำสารส้มสักครู่ แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง และเมื่อจะทานจะต้องล้างพริกก่อนทุกครั้ง  
  • กันบูด ใช้สารส้มผสมกับแป้งเปียกเพื่อใช้กันบูดได้ 
  • ใช้ป้องกันและรักษาส้นเท้าแตก 
  • ใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ย้อมสีผ้าเพื่อช่วยให้สีติดเส้นใยได้ดีขึ้น อุตสาหกรรมกระดาษ การประปา การบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น 

 

ข้อควรระวังในการใช้สารส้ม 

แม้ว่าสารส้มมีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เนื่องจากสารส้มมีสารประกอบเป็นอะลูมิเนียมและซัลเฟต จึงต้องระมัดระวังในการใช้ และเพื่อใช้สารส้มให้ได้ผลอย่างปลอดภัย ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะนำไปใช้ เพราะการใช้สารส้มในบางกรณีอาจเกิดอันตรายได้ เช่น การทานสารส้มอะลัมเพื่อช่วยให้อาเจียนขับสารพิษ แต่ถ้าทานในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ร่างกายดูดซึมอะลูมิเนียมเข้าไปได้ รวมถึงผลข้างเคียงอื่น ๆ  เช่น อาการคลื่นไส้ หรือ ปวดศีรษะ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย แนะนำว่า ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด รวมทั้งปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้สารส้มดีที่สุด

 

Continue Reading

กำลังมาแรง