สำหรับบ้านไหนที่ทำเป็นโฮมออฟฟิศ บ้านและที่ทำงานคือที่เดียวกัน หรือบ้านที่กำลังจะมีสมาชิกเพิ่ม และบริเวณข้างบ้านยังคงมีที่ว่าง อาจกำลังแพลนที่จะทำการต่อเติมข้างบ้านสร้างห้องเก็บของ เพื่อเก็บข้าวของที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือจัดทำพื้นที่สำหรับสต็อกสินค้าไว้ส่งขาย โดยที่ภายในบ้านยังคงมีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างปกติ และมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม แต่รู้ไหมว่า การต่อเติมใด ๆ แม้จะอยู่ในพื้นที่บ้านตัวเอง ก็ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายการการก่อสร้างและต่อเติมอาคาร ซึ่งมีข้อจำกัดที่ทำได้และไม่ได้ที่เจ้าบ้านจะต้องรู้และทำตามอย่างเคร่งครัด หากไม่อยากให้เกิดความเสียหายและมีปัญหายุ่งยากตามมาในอนาคต
โดย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 คือ กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการต่อเติมบ้านโดยตรง ซึ่ง มาตรา 21 และ 39 ทวิ ได้สรุปใจความสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย “ การก่อสร้าง ดัดแปลง ต่อเติมอาคาร จะต้องแจ้งและได้รับอนุญาตจากพนักงานท้องถิ่นก่อนเสมอ ตามมาตรา 21 พร้อมกับการยื่นแบบแปลนฯ รวมถึงรายชื่อสถาปนิกและวิศวกรที่ควบคุมงานทั้งหมด ให้เจ้าพนักงานได้ทราบ” ส่วนรายละเอียดกฏหมายที่ควรรู้ ก่อนทำการต่อเติมข้างบ้านหรืออาคาร มีดังนี้ ข้อควรรู้ก่อนทำการต่อเติมบ้าน
ก่อนสร้างห้องเก็บของต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
1. ระยะห่างระหว่างตัวบ้านและที่ดินบ้านใกล้เคียง
สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเมื่อจะต่อเติมข้างบ้าน คือ ระยะห่างระหว่างโครงสร้างที่จะต่อเติม กับ แนวเขตพื้นที่ดินบ้านติดกัน ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพื่อป้องกันการถูกสั่งรื้อถอน ซึ่งจะทำให้เสียทั้งเงินและเวลา โดยมีข้อกำหนดของระยะห่างระหว่างตัวบ้านและที่ดินของบ้านที่ติดกันไว้ว่า การต่อเติมข้างบ้านแบบเป็นผนังทึบไม่มีช่องแสง ต้องห่างแนวเขตที่ดินบ้านที่อยู่ติดกันไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร หรือถ้าเป็นแบบที่มีประตู หน้าต่าง มีช่องแสง ช่องระบายอากาศ ต่อเติมห่างจากแนวเขตที่ดินบ้านติดกันไม่น้อยกว่า 2 เมตร แต่ถ้าต้องการต่อเติมให้ชิดแนวเขตที่ดินบ้านติดกัน ต้องเจรจากับเจ้าของบ้านนั้น ๆ และมีหนังสือยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร จึงจะต่อเติมให้ชิดแนวเขตบ้านติดกันได้ ไม่เช่นนั้นจะมีความผิดตามกฏหมาย
สำหรับการออกแบบต่อเติมข้างบ้านทำเป็นห้องเก็บของ สามารถต่อเติมผนังและหลังคาเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวของด้านในเสียหาย ควรมีหน้าต่างเล็ก ๆ เพื่อระบายอากาศ และทำประตูเข้าออกให้มิดชิดแน่นหนา
2. ห้ามต่อเติมอาคารเต็มพื้นที่ดิน ต้องมีพื้นที่ว่างไม่น้อยกว่า 30%
ข้อกฏหมายการต่อเติมที่พักอาศัย ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2543 ไม่อนุญาตให้ต่อเติมแบบปิดทึบทั้งหมดจนเต็มที่ดินได้ จะต้องมีการเว้นว่างระหว่างตัวบ้านกับเขตที่ดินของตัวเองอย่างน้อย ร้อยละ 30 ของที่ดินโดยรอบอาคารตัวบ้าน เพื่อป้องกันความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น อัคคีภัย หากตัวอาคารติดกันจนไม่มีช่องว่าง จะทำให้ไฟลุกลามได้ง่ายขึ้น ยากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ และการซ่อมแซม นอกจากนี้ ยังทำให้บ้านอับชื้นหรือเกิดเชื้อราได้ง่าย เพราะการระบายอากาศไม่ดี
3. โครงสร้าง
ผลกระทบต่อโครงสร้าง คือ อีกสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงก่อนสร้างห้องเก็บของ เพราะปัญหาที่พบได้บ่อยจากการต่อเติมเพิ่มโครงสร้าง มักเป็นเรื่องของการทรุดตัว เกิดรอยแยกของผนัง แตกร้าว หลังคารั่วซึมบริเวณรอยต่อ จึงต้องมีการตอกเสาเข็มเพิ่ม จัดทำและระวังในจุดเชื่อมต่อโครงสร้างเดิมกับส่วนที่ต่อเติมใหม่ให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นในอนาคต
4. ความยินยอมของเพื่อนบ้าน
แม้ว่าการต่อเติมข้างบ้านจะมีการคำนวณพื้นที่อย่างดี ไม่กระทบต่อพื้นที่บริเวณใกล้เคียง และดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่ควรแจ้งกับเพื่อนบ้านให้ทราบถึงช่วงวัน เวลา และระยะการสิ้นสุดของการต่อเติมบ้าน ที่อาจส่งผลกระทบในเรื่องของเสียง ฝุ่น และมลภาวะอื่น ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อกัน หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา ลดความเสี่ยงที่อาจทำให้ถูกฟ้องร้องได้
5. การขออนุญาตกับเจ้าพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 การก่อสร้าง ดัดแปลง ต่อเติมบ้าน หรือเพิ่มอาคาร ที่มีขอบเขตต่อไปนี้
ก่อสร้าง ดัดแปลง เพิ่มอาคารที่มีพื้นที่ครอบคลุมเกิน 5 ตารางเมตร
มีการลด – เพิ่ม จำนวนคานหรือเสา
ดัดแปลงหรือต่อเติมที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาดและวัสดุต่างไปจากของเดิม
บ้านมีฐานรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จากการดัดแปลงหรือต่อเติมอาคาร
ทั้งหมดนี้จะต้องทำการขออนุญาตจากเจ้าพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถูกกฏหมาย เพื่อป้องกันการถูกรื้อถอนอาคารจากการทำผิด พ.ร.บ.ในภายหลัง
เอกสารในการขออนุญาตที่ต้องเตรียม มีดังนี้
สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาโฉนดที่ดิน
แบบขออนุญาตก่อสร้าง ประกอบไปด้วย แผนผัง แบบแปลน รายการประกอบแบบแปลน
รายการคำนวณจากวิศวกร
หนังสือยินยอมจากเพื่อนบ้าน (ในกรณีต่อเติมข้างบ้านชิดแนวเขตที่ดินบ้านติดกัน)
เอกสารจากเขต
แต่มีข้อกำหนดกการต่อเติมบ้านที่ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต และยังถูกกฏหมาย ได้แก่
การเพิ่มหรือลดพื้นที่หลังคาไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่เพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างด้วยชนิด วัสดุ ขนาด และจำนวนเท่าเดิม
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ใช่โครงสร้างเดิม ไม่เพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างเดิมเกิน 10%
การเปลี่ยนแปลง ต่อเติม เพิ่ม หรือ ลด โดยเนื้อที่ส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ไม่เพิ่มน้ำหนักให้โครงสร้างเดิมเกิน 10%
แม้ว่าการสร้างห้องเก็บของจะเพิ่มความสะดวกให้กับบ้านที่มีพื้นที่ว่างก็จริง แต่ก็ต้องมีการวางแผนอย่างละเอียด และเตรียมพร้อมให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง หากขาดข้อใดข้อหนึ่ง หรือไม่ปฏิบัติตามให้ถูกต้องข้อกฏหมาย หรือมีผู้ร้องเรียน เจ้าของบ้านจะต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจถูกสั่งให้มีการรื้อถอนอาคารที่ผิด พ.ร.บ. สร้างความยุ่งยาก ทำให้เสียเงินและเสียเวลา กล่าวได้ว่าผลที่ได้ไม่คุ้มค่าแถมยังเจ็บตัว
ใช้บริการเช่าห้องเก็บของ ลดขั้นตอน ลดความเสี่ยง
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก ไม่อยากยุ่งยาก ไม่อยากวุ่นวายหลายขั้นตอน และไม่อยากเสี่ยงต่อปัญหาดังกล่าว การเช่าห้องเก็บของ ย่อมเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า เพราะห้องเก็บของให้เช่าสำเร็จรูปส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในอาคารสูง ไม่ต้องห่วงเรื่องสภาพอากาศ มีระบบความปลอดภัยทั้งในรูปแบบของเทคโนโลยีและการดูแลจากพนักงาน สามารถเช่าระยะสั้นเป็นรายวัน รายสัปดาห์ หรือจะเหมาเช่าเป็นรายเดือน หรือรายปีก็ได้เช่นกัน ยิ่งเช่านานเท่าไร ยิ่งจ่ายค่าเช่าห้องเก็บของราคาถูกมากขึ้น ยกเลิกการเช่าง่าย ไม่ยุ่งยากในการดูแลทำความสะอาด สามารถเข้าใช้ห้องเก็บของได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หายห่วงเรื่องความปลอดภัย และผู้คนไม่พลุกพล่าน เพราะเป็นระบบสมาชิก จำกัดการเข้าใช้บริการเฉพาะผู้เช่าที่ถือคีย์การ์ด และมีกุญแจห้องเก็บของส่วนตัวเท่านั้น ห้องเก็บของให้เช่าส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้สะดวกต่อการเดินทาง และเมื่อคำนวณค่าเช่าห้องเก็บของเทียบกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการสร้างห้องเก็บของ ทำให้หลายคนหันมาเลือกใช้บริการเช่าห้องเก็บของ (Self Storage) ที่ไม่ต้องยุ่งยากในการเดินเรื่องขออนุญาต ไม่ต้องรวบรวมเอกสารมากมาย ไม่ต้องสะสมทุน ไม่ต้องกู้ธนาคาร และไม่เสียงบบานปลาย แต่สามารถมีห้องเก็บของส่วนตัวนอกบ้าน ที่จะเก็บข้าวของเท่าไรก็ได้ แต่ถ้าจะให้ตอบว่า ระหว่าง เช่าห้องเก็บของ กับ สร้างห้องเก็บของ แบบไหนคุ้มค่ามากกว่าสำหรับคุณ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมและความสะดวกของแต่ละคนค่ะ