ปัจจุบัน AI ได้ถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ และความสามารถบางอย่างที่เหนือกว่ามนุษย์ เพื่อไว้ใช้งานในส่วนที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ทั้งในส่วนของการเรียนรู้และการพัฒนาความสามารถตัวเองจากข้อมูลที่ได้รับจากมนุษย์ โดย AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เราเรียกกันในภาษาไทย และได้มีการนำระบบ AI มาใช้งานในด้านต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ปัญญาประดิษฐ์นี้มีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น แต่จะเกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญด้านใดบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
Reactive Machines
ต้องยอมรับว่า AI มีความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ด้วยการตรวจสอบและประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับมา แต่ยังขาดความสามารถในการจดจำ และไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์จากครั้งก่อนได้ ระบบ AI แบบนี้ เช่น ระบบค้นหาบนอินเทอร์เน็ต ตัวละครในเกมที่ตอบสนองต่อผู้เล่น เป็นต้น
Limited Memory
Limited Memory เป็นระบบ AI ที่พบเห็นได้มากที่สุดในตอนนี้ ถูกพัฒนาจากรุ่นแรก ให้สามารถเก็บข้อมูลและประสบการณ์จากที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจ สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้จากข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำ ที่เรียกว่า Machine learning โดยระบบ AI แบบนี้ เช่น รถยนต์ที่ใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ที่ผ่านมาและระบบเซ็นเซอร์เพื่อใช้ในการตัดสินใจขณะขับขี่
Theory of Mind
ประเภท AI ที่มีความสามารถรับรู้และเข้าใจถึงความคิด ความรู้สึก ความต้องการ และเป้าหมายของบุคคลอื่น ทำให้ระบบ AI แสดงพฤติกรรมและโต้ตอบได้อย่างเหมาะสมในแต่ละบุคคลได้
Self – Aware
AI ประเภทที่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตนเอง สามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ ความรู้สึก และความสามารถในตนเองได้ เสมือนเป็นมนุษย์ หรือตัวบุคคลโดยตรง โดยรูปแบบ AI ชนิดนี้ ยังคงอยู่ในระหว่างวิจัย แต่ยังไม่ได้มีการพัฒนาไปถึงระดับที่ทำงานได้เสมือนมนุษย์
เมื่อระบบ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายเริ่มแสดงความวิตกกังวลในเรื่องของ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ ซึ่งมีข้อถกเถียงและโต้แย้งออกกันเป็นหลายฝ่ายด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอาจยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะถึงแม้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ จะมีความฉลาดมากเพียงใด แต่ยังมีสกิลของมนุษย์ที่ระบบ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้ในขณะนี้ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ในอนาคต ซึ่งเราคงต้องคอยติดตามดูกันต่อไป