Connect with us

เทคโนโลยี

ประเภทเทคโนโลยี AI ในชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง

Published

on

AI คือ ระบบหรือโปรแกรมระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถแสดงพฤติกรรม ความคิด และการรับรู้ของมนุษย์ โดยใช้เครื่องมือทางสถิติและอัลกอริทึม ในการสร้างซอร์ฟแวร์เพื่อฝังลงในเครื่องจักร โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลียนแบบได้ใกล้เคียงความสามารถของมนุษย์ ทั้งในส่วนของการจดจำ การแยกแยะ เหตุและผล รวมไปถึงความสามารถในการตัดสินใจ และการคาดการณ์เหตุการณ์ล่วงหน้า

ปัจจุบัน AI ได้ถูกพัฒนาให้มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ และความสามารถบางอย่างที่เหนือกว่ามนุษย์ เพื่อไว้ใช้งานในส่วนที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ ทั้งในส่วนของการเรียนรู้และการพัฒนาความสามารถตัวเองจากข้อมูลที่ได้รับจากมนุษย์ โดย AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence คือ ปัญญาประดิษฐ์ ที่เราเรียกกันในภาษาไทย และได้มีการนำระบบ AI มาใช้งานในด้านต่าง ๆ มากขึ้น ทำให้ปัญญาประดิษฐ์นี้มีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น แต่จะเกี่ยวข้องและมีบทบาทสำคัญด้านใดบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ 

Reactive Machines 

ต้องยอมรับว่า AI มีความสามารถในการตอบสนองต่อสถานการณ์ปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ด้วยการตรวจสอบและประมวลผลจากข้อมูลที่ได้รับมา แต่ยังขาดความสามารถในการจดจำ และไม่สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์จากครั้งก่อนได้ ระบบ AI แบบนี้ เช่น ระบบค้นหาบนอินเทอร์เน็ต ตัวละครในเกมที่ตอบสนองต่อผู้เล่น เป็นต้น 

Limited Memory 

Limited Memory เป็นระบบ AI ที่พบเห็นได้มากที่สุดในตอนนี้ ถูกพัฒนาจากรุ่นแรก ให้สามารถเก็บข้อมูลและประสบการณ์จากที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้ในการตัดสินใจ สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้จากข้อมูลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำ ที่เรียกว่า Machine learning โดยระบบ AI แบบนี้ เช่น รถยนต์ที่ใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ที่ผ่านมาและระบบเซ็นเซอร์เพื่อใช้ในการตัดสินใจขณะขับขี่ 

Theory of Mind 

ประเภท AI ที่มีความสามารถรับรู้และเข้าใจถึงความคิด ความรู้สึก ความต้องการ และเป้าหมายของบุคคลอื่น ทำให้ระบบ AI แสดงพฤติกรรมและโต้ตอบได้อย่างเหมาะสมในแต่ละบุคคลได้ 

Self – Aware 

AI ประเภทที่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตนเอง สามารถรับรู้ได้ถึงอารมณ์ ความรู้สึก และความสามารถในตนเองได้ เสมือนเป็นมนุษย์ หรือตัวบุคคลโดยตรง โดยรูปแบบ AI ชนิดนี้ ยังคงอยู่ในระหว่างวิจัย แต่ยังไม่ได้มีการพัฒนาไปถึงระดับที่ทำงานได้เสมือนมนุษย์ 

เมื่อระบบ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายเริ่มแสดงความวิตกกังวลในเรื่องของ AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ ซึ่งมีข้อถกเถียงและโต้แย้งออกกันเป็นหลายฝ่ายด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าอาจยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะถึงแม้ว่า ปัญญาประดิษฐ์ จะมีความฉลาดมากเพียงใด แต่ยังมีสกิลของมนุษย์ที่ระบบ AI ยังไม่สามารถทดแทนได้ในขณะนี้ แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ในอนาคต ซึ่งเราคงต้องคอยติดตามดูกันต่อไป 

Continue Reading
Click to comment

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

บ้านและสวน

สแลนกันแดดแต่ละสีใช้งานแตกต่างกันยังไง 

Published

on

สแลนกันแดด ตาข่ายสารพัดประโยชน์ ที่เราเห็นและนำมาใช้งานกันหลากหลาย และมีหลายสีให้เลือกใช้ แต่เคยสงสัยไหมว่า สแลนแต่ละสีแตกต่างกันยังไง และสแลนสีไหนเหมาะกับการใช้งานอะไร เรามีมาบอก จะได้นำสแลนไปใช้ให้เหมาะสมกับเนื้องานกันค่ะ 

สแลนคืออะไร และ สแลนใช้ทำอะไรได้บ้าง

ตาข่ายกรองแสง หรือ สแลน ภาษาอังกฤษ Shading Net คือ ตาข่ายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการลดความแรงหรือความเข้มข้นของแสงแดด จากการกรองแสง พรางแสง หรือบังแสง ช่วยลดความร้อนจากแสงแดดนั่นเอง สามารถนำคุณสมบัติของสแลนไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ใช้ในการทำเกษตร คลุมแปลงผัก ทำเป็นหลังคาเรือนเพาะชำ เรือนปลูกผัก เรือนเพาะเห็ด โรงเรือน หลังคากันแดด ล้อมรั้วเลี้ยงสัตว์ บ่อปลา ฟาร์มกุ้ง ดาดฟ้า ป้องกันสิ่งของร่วงหล่น หรือใช้คลุมบริเวณต่าง ๆ ภายในที่อยู่อาศัยให้เกิดความร่มรื่น เป็นต้น 

 

แต่ในการนำสแลนบังแดดไปใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตร การใช้งานสแลนแต่ละสีจะแตกต่างกันไป ตามคุณสมบัติการพรางแสงของสแลนที่มีปริมาณเป็นเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ 50% , 60% , 70% และ 80% เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า แต่ละสีของสแลนบังแดดช่วยพรางแสงได้เท่าไรบ้าง

สแลนทำจากอะไร 

วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสแลนบังแดด คือ พลาสติกประเภทโพลิเอทิลีน หรือ HDPE (High Density Polyethylene) มีความหนาแน่นสูง และมีคุณสมบัติพิเศษหลากหลายที่เหมาะต่อการนำไปใช้งาน เช่น 

  • แสงผ่านได้น้อย เพราะมีสีขุ่น เหมาะต่อการนำไปใช้เป็นวัตถุป้องกันแสง 
  • มีความเหนียว ยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการใช้งาน
  • ทนต่อสภาพอากาศและอุณหภูมิ โดยทนความร้อนได้สูงถึง 80 – 100 องศาเซลเซียส และทนต่อความเย็นได้ต่ำกว่าระดับจุดเยือกแข็ง 
  • ทนต่อสารเคมี ทนต่อสภาพความเป็นกรด – ด่าง 
  • สามารถใส่เม็ดสีได้โดยไม่กระทบต่อคุณสมบัติการใช้งาน
  • ป้องกันความชื้นซึมผ่าน กักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี 
  • จำกัดการผ่านของอากาศ จึงเหมาะต่อการใช้ปกป้อง และควบคุมบรรยากาศได้ทั้งจากภายนอก – ภายใน 

สแลนมีกี่ประเภท 

สแลนบังแดดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ตามกรรมวิธีการผลิต ได้แก่ 

  • สแลนแบบถัก : เป็นสแลนที่ทำจากโพลิเอทิลีนน้ำหนักเบา เหมาะต่อการใช้ในงานเกษตรกรรม ปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์ และกสิกรรมทุกประเภท 
  • สแลนแบบทอ : สแลนที่เป็นตาข่ายชนิดที่มีน้ำหนัก ทิ้งตัวได้ดี มีความยืดหยุ่น และทนทานต่อการใช้งานสูง นิยมใช้ในการเลี้ยงสัตว์ หรือใช้ในการปลูกสร้าง เนื่องจากมีความหนาแน่นมั่นคง 

 

ความแตกต่างของสแลนแต่ละสี

สแลนบังแดดสีขาว 

สแลนสีขาว เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการแสงมาก แต่ต้องการลดอุณหภูมิ ช่วยลดแรงลม และลดความแรงของเม็ดฝน แต่ปล่อยให้แสงขาวผ่านลงมาได้เต็มที่

 

สแลนบังแดดสีเขียว 

สแลนสีเขียว นิยมใช้เพื่อให้พืชยืดตัวสูงขึ้น ด้วยตัวสแลนช่วยกรองแสง ทำให้แสงที่ลอดผ่านลงมากลายเป็นแสงสีเขียว ซี่งเป็นแสงที่พืชนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อยนั่นเอง 

 

สแลนบังแดดสีน้ำเงิน 

สแลนสีน้ำเงิน นิยมใช้เพื่อให้พืชมีสีใบเข้มขึ้น เพราะแสงแดดที่ลอดผ่านสแลนสีน้ำเงิน จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโต ทั้งในส่วนของรากและใบพืชได้ดี 

 

สแลนบังแดดสีแดง 

สแลนสีแดง นิยมใช้สำหรับพืชดอก หรือพืชที่ต้องการเร่งดอก และแสงที่ลอดผ่านจากสแลนสีแดงยังช่วยลดการรบกวนจากแมลงบางชนิดได่อีกด้วย 

 

สแลนกันแดดสีดำ 

สแลนสีดำ ให้ผ่านแสงผ่านน้อย จนแทบจะเรียกว่าใช้สแลนบังแสง ทำให้นิยมใช้เพื่อเป็นการสร้างร่มเงาให้กับพืช เหมาะกับพืชที่ไม่ต้องการแสงเยอะ หรือพืชที่ต้องการแสงรำไร เช่น ต้นไม้ที่เลี้ยงในคอนโด พืชผักริมระเบียง รวมไปถึงต้นกล้าของพืชต่าง ๆ เป็นต้น 

Continue Reading

สุขภาพ

อันตรายจากแสงสีฟ้า (Blue light) ภัยเงียบต่อสุขภาพดวงตา

Published

on

เชื่อว่าหลายคนรู้กันอยู่แล้วว่า แสงสีฟ้าจากโทรศัพท์มือถือของเรามีอันตรายต่อดวงตา รวมไปถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่รู้ไหมว่าสารมารถพบแสงสีฟ้าได้จากธรรมชาติด้วยเช่นกัน 

(more…)

Continue Reading

เทคโนโลยี

5 Soft Skill ของมนุษย์ ที่ AI ไม่สามารถทดแทนได้

Published

on

ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีการนำระบบ AI มาเป็นเครื่องมือในการใช้งานกันมากขึ้น ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ และแย่งงานของเราไปจนหมด แต่ถึงแม้ว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่มีความเฉลียวฉลาด และมีความสามารถในการทำงานสูง แต่มนุษย์มีสกิลพิเศษที่แม้แต่ AI ยังไม่สามารถเทียบได้ มีอะไรบ้าง มาเช็กกันเลยค่ะ 

ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)

มนุษย์ เป็นสัตว์โลกที่มีทั้งความฉลาดทางปัญญา และ ความฉลาดทางอารมณ์ โดย AI เป็นระบบเครื่องจักรที่ไม่สามารถรับรู้หรือเข้าใจในอารมณ์ ความเห็นอกเห็นใจ และการเข้าถึงจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้งเท่ากับมนุษย์ เช่น การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น 

ความฉลาดทางวัฒนธรรม (Cultural Intelligence)

สังคมที่มีความแตกต่างของวัฒนธรรมและเชื้อชาติของผู้คน นำไปสู่การเรียนรู้ถึงการร่วมอยู่กัน โดยที่มีความคิด ความเชื่อ และประเพณีที่ต่างกัน เป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถเข้าใจและทดแทนได้

ทักษะความคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking Skill) 

มนุษย์มีจินตนการ และความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดและออกแบบไอเดียใหม่ ๆ หรือดัดแปลง ปรับและประยุกต์ได้หลากหลาย ซึ่งเป็นทักษะที่ทุกองค์กรต้องการ และทักษะนี้ AI ยังไมสามารถก้าวข้ามมนุษย์ได้ 

ทักษะการสื่อสาร (Communication Skill) 

AI คือ ปัญญาประดิษฐ์ที่มีระบบเทคโนโลยีสูง สามารถรวบรวมและนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ได้ แต่ ด้านวาทะศิลป์ในการนำเสนอข้อมูล แต่ยังคงสู้มนุษย์ไม่ได้ ในด้านกระบวนความคิด การเรียบเรียงคำพูด การปรับน้ำเสียงให้เหมาะสม การเว้นจังหวะการถ่ายทอดคำที่พอดี ความชัดเจนและถูกต้องในอักขระได้ใจความ

ทักษะความเป็นผู้นำ (Leadership Skills) 

ระบบ AI มีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในบทบาทที่ต้องมีมนุษย์คอยควบคุม กำกับ และดูแลระบบอยู่ตลอดเวลา ทำให้ AI ยังขาดไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์ หรือปัญหาเฉพาะหน้า ไม่มีความสามารถทำให้คนในทีมสามัคคีกันได้ ดังนั้น AI ยังคงขาดทักษะความเป็นผู้นำ 

แม้ว่า AI จะยังขาด 5 Skill ดังกล่าว จนอาจพูดได้ว่ายังไม่สามารถเข้ามาทดแทนมนุษย์ได้ทั้งหมดในตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้น หากระบบ AI สามารถพัฒนาระบบได้อย่างก้าวกระโดด หรือมนุษย์เริ่มถดถอยและเสื่อมจากทักษะพิเศษที่มีอยู่ จากที่ AI ไม่สามารถก้าวข้ามมนุษย์ได้ อาจกลายเป็นมนุษย์ที่ต้องถูกโละทิ้งอย่างไม่มีคุณค่า หากหยุดพัฒนาตนและปล่อยให้ทักษะเหล่านี้หายไปจากตัวคุณ 

Continue Reading

กำลังมาแรง